วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

กะปิคั่ว

กะปิคั่ว อาหารที่เป็นเครื่องจิ้มอย่างนี้ก็อร่อยนะค่ะ นับว่าเป็นอาหารของคนไทยเรามาตั้งแต่โบราณแล้วด้วย กะปิคั่ว ยอดอาหารที่เป็นเครื่องจิ้มที่มีชื่อเสียงมาเก่าก่อน คนไทยสมัยก่อนมักจะประกอบอาหารประเภทนี้จัดเข้าสำรับกับข้าว อยู่บ่อยๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปกับอาหารอย่างอื่นๆ

กะปิเป็นอาหารสำคัญของคนไทยเรามาช้านานเช่นเดียวกัน กะปิ มีความสำคัญเช่นเดียวกับ น้ำปลา นั่นแหละ คนไทยเราจะต้องมีเครื่องปรุงอาหารสองอย่างนี้เอาไว้ในครัวเสมอ ขาดไม่ได้เลย ขาด กะปิ ก็ไม่ได้ จะตำน้ำพริกกะปิก็ยาก จะแกงเผ็ด แกงส้ม ถ้าไม่มีเครื่องแกงสำเร็จรูปเอาไว้ หรือถ้าขาด น้ำปลา ก็ไม่ได้อีกแล้วเช่นเดียวกัน เพราะหากขาด น้ำปลา แล้วเกิดจะปรุงอาหาร ต้องการความเค็มที่อร่อยก็ไม่มีน้ำปลา อาหารจะอร่อยได้อย่างไร เอาเกลือป่น หรือเกลือเม็ด มาปรุงอาหารก็ไม่อร่อยเหมือนน้ำปลา ไม่มีความคาวนั่นเอง กะปิ และ น้ำปลา จึงเป็นเครื่องปรุงอาหารของคนไทยเราอย่างแท้จริง รู้กันมาตั้งแต่โบราณแล้วด้วย กะปิคั่ว จึงเกิดขึ้นในตำราอาหารไทยโบราณที่จดจำกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงยุคแห่งโลกาภิวัตน์นี้

กะปิคั่วรสดี อร่อย เป็นเครื่องจิ้มที่มีมาตรฐานสำหรับอาหารของคนไทยมาก เมื่อเอาไปรับประทานกับผักต่างๆ แล้วก็ได้ประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่เดียว เอาละค่ะ เครื่องปรุง กะปิคั่วจะมีอะไรบ้าง วิธีการปรุงเป็นอย่างไร เดี่ยวก็ได้ทราบกันแล้ว เชิญเลยค่ะ

ส่วนผสม กะปิคั่ว

1. กะปิดีเผาไฟแล้ว (ห่อใบตอง) 2 ช้อนโต๊ะ

2. กะทิสำเร็จรูป 1 ซอง/กล่อง

3. เนื้อหมูสับละเอียด 100 กรัม

4. เนื้อกุ้งสับละเอียด 100 กรัม

5. หอมแดง 5 หัว

6. กระเทียมแกะเปลือก 1 หัว

7. กระชาย 5 ราก

8. ตะไคร้หั่นซอยบาง 1 ต้น

9. ข่า 3 แว่น

10. พริกขี้หนูแห้ง 5 เม็ด

11. พริกชี้ฟ้าแดง เขียว 5 เม็ด

12. น้ำปลาดี

13. น้ำตาลปี๊บ

วิธีปรุง

เริ่มต้นด้วยการโขลกเครื่องปรุงทั้งหมดก่อนกะปิเอาใส่ครกได้เลย ตามด้วยหอมแดง กระเทียม กระชาย ตะไคร้หั่นข่า พริกขี้หนูแห้ง ทุกอย่างนี้โขลกละเอียดหมด ต่อมาก็เอาหม้อใส่กะทิหนึ่งกล่อง หากเป็นกะทิผงก็ละลายกับน้ำ 1 ถ้วย จึงเอาไปใส่หม้อตั้งบนเตาไฟ เร่งไฟกลางๆ จนเดือด เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนแตกมันดีเอาเครื่องปรุงใส่ลงไป ปล่อยให้เดือด หอมดีแล้วก็ใส่เนื้อหมูสับ เนื้อกุ้งสับลงไปอีก พอเดือดก็คนเบาๆ ให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้าแดงเขียว ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลปี๊บ เพียงเล็กน้อย ชิมดูว่ารสดีใช้ได้หรือยัง ถ้าไม่เคยก็เติมน้ำปลาดีลงไปอีก ถ้ายังไม่รู้สึกหวานก็เดิมน้ำตาลลงไปอีกได้จนกระทั่งพอดี อร่อย ได้ที่แล้วก็เสร็จ ยกหม้อกะปิคั่วลงจากเตาไฟได้ จัดผักต่างๆ ลงจานให้มองดูสวยงาม ตัก กะปิคั่วใส่ถ้วย เอามาวางเรียงกัน รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้รสชาติถูกปากถูกใจคนรับประทานทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น